top of page

การปฐมพยาบาลเมื่อแมลงหรือสัตว์มีพิษกัดต่อย

แมลงที่มีเหล็กใน

       แมลงหลายชนิด มีเหล็กในไว้เป็นอาวุธป้องกันตัว เช่น ผึ้ง ต่อ แตน เป็นต้น เมื่อต่อยแล้วมักจะทิ้งเหล็กในไว้ภายในบาดแผล เหล็กใน จะมีพิษ พิษของแมลงพวกนี้ มักมีฤทธิ์เป็นกรด บริเวณที่ ถูกต่อยจะบวมแดง คัน และปวด (บุญส่ง เอี่ยมละออ. 2543 :127)

วิธีการปฐมพยาบาล

      พยายามเอาเหล็กในออกให้หมด โดยใช้วัตถุที่มีรู เช่น ลูกกุญแจกดลงไป ตรงรอยที่ถูกต่อย ให้รอยที่แมลงต่อยอยู่ตรงกลาง เหล็กในจะโผล่ขึ้นมา ให้คีบดึงเหล็กในออก จากนั้นก็ทานยาแก้ปวด

แมงป่องหรือตะขาบ

      ผู้ที่ถูกแมงป่องต่อยหรือถูกตะขาบกัด จะมีอาการเจ็บปวดมากกว่า ถูกแมลงชนิดอื่นต่อย เพราะแมงป่องและตะขาบมีพิษมากกว่า บางคนที่ แพ้พิษสัตว์ประเภทนี้ อาจมีอาการปวดและบวมมาก มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน บางคนมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อและมีอาการชักด้วย (บุญส่ง เอี่ยมละออ. 2543 :127)

วิธีการปฐมพยาบาล

     ใช้ผ้ารัดเหนือบริเวณแผล เพื่อป้องกันไม่ให้พิษแพร่กระจายออกไป ใช้มือบีบให้เลือดไหลออกจากบาดแผลให้มากที่สุดเลือดจะได้พาเอาพิษ ออกมาด้วถ้ามีอาการบวมอักเสบและปวดมาก ใช้ก้อนน้ำแข็งประคบบริเวณแผล เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด รับประทานยาแก้ปวด ถ้าอาการยังไม่ทุเลา ควรรีบนำส่งแพทย์

แมงกะพรุนไฟ

แมงกะพรุนไฟ

         แมงกะพรุนไฟเป็นสัตว์ทะเล ซึ่งมีสารพิษอยู่ที่หนวดของมัน แมงกะพรุนไฟมีสีน้ำตาล เมื่อคนไปสัมผัสตัวแมงกะพรุนไฟ มันจะปล่อยพิษ ออกมาถูกผิวหนัง ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนมาก ผิวหนังจะเป็นผื่นไหม้ บวม พองและแตกออก แผลจะหายช้า ถ้าถูกพิษมาก ๆ จะมีอาการรุนแรงถึงกับเป็นลมหมดสติ และ อาจเสียชีวิตได้ (บุญส่ง เอี่ยมละออ. 2543 :128)

วิธีการปฐมพยาบาล

             ใช้ผ้าเช็ดขัดถูบริเวณที่ถูกพิษแมงกะพรุนไฟ เพื่อเอาพิษที่ค้างอยู่ออก ใช้นำยาแอมโมเนียชุบสาลีปิดบริเวณผิวหนังส่วนที่ถูกพิษนาน ๆ เพื่อฆ่าฤทธิ์กรด จากพิษของแมงกะพรุนไฟ ใช้น้ำยาแอมโมเนียชุบสำลีปิดบริเวณผิวหนังส่วนที่ถูกพิษนาน ๆ เพื่อฆ่าฤทธิ์กรด จากพิษของแมงกะพรุนไฟ

ถูกงูกัด

           งู แบ่งออกเป็น 2 ชนิด 1. งูไม่มีพิษ เช่น งูกินปลา งูลายสอ งูเขียว ฯลฯ 2. งูมีพิษ เช่น งูเห่า งูจงอาง งูกะปะ งูแมวเซา ฯลฯ (กรมวิชาการ. 2535 : 58 )

ลักษณะของงู

        1. งูไม่มีพิษ จะไม่มีเขี้ยว มีแต่ฟันธรรมดาแหลม ๆ เล็ก ๆ

           งูไม่มีพิษกัด บาดแผลจะมีรอยฟันของงูที่บริเวณผิวหนังเป็นรอยสักเท่า ๆ กันหมด

        2. งูมีพิษ จะมีเขี้ยวยาว 2 เขี้ยว อยู่ที่ด้านหน้าของขากรรไกรบน

           งูมีพิษกัด บาดแผลจะมีรอยเขี้ยวของงูลึกลงไปในผิวหนัง 2 เขี้ยว และมีรอย เขี้ยวตื้น ๆ รอบบริเวณ

วิธีการปฐมพยาบาล

       ใช้ผ้ารัดเหนือบาดแผลประมาณ 5 –10 เซนติเมตร โดยให้บริเวณที่ถูกรัดอยู่ ระหว่างแผลกับหัวใจ รัดให้แน่นพอสมควร แต่อย่าให้แน่นจนเกินไป พอให้ปลาย นิ้วก้อยสอดเข้าได้ เพื่อป้องกันไม่ให้พิษงูเข้าสู่หัวใจโดยรวดเร็ว และควรคลายผ้าที่รัด ทุก ๆ 10 นาที การคลายแต่ละครั้งไม่ควรนานเกิน 1 นาที ก่อนคลายผ้าที่รัดไว้ควรใช้ ผ้าอีกผืนหนึ่งรัดเหนืออวัยวะที่ถูกงูกัดขึ้นไปอีกเปลาะหนึ่ง เหนือรอยรัดเดิมเล็กน้อย จึงค่อยคลายผ้าที่รัดไว้เดิมออก ท าเช่นนี้เรื่อยไปจนกว่าจะได้ฉีดเซรุ่ม (กรมวิชาการ. 2535 : 59)

การเป็นลมธรรมดา

สาเหตุ

       เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งอาจเนื่องมาจาก ร่างกายอ่อนเพลียมาก อยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทไม่สะดวกออกก าลังกายมากเกินไป หรือ เกิดจากการที่จิตใจได้รับความกระทบกระเทือนอย่างกะทันหัน เช่น ดีใจมาก เสียใจมาก ตกใจมาก เป็นต้น ผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลียและผู้ที่มีความกังวลใจย่อมมีโอกาสเป็นลมได้ง่าย

อาการ

      เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่ยืนหรือนั่งอยู่ เริ่มด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย หน้าซีด ใจสั่น หายใจถี่ ชีพจรเต้นเร็วแต่เบา เหงื่อออกตามตัว ใบหน้า ฝ่ามือ และฝ่าเท้า ต่อมาจะรู้สึกเวียนศีรษะ ตาพร่า หน้ามืด หมดแรงและหมดสติ (บุญส่ง เอี่ยมละออ. 2543 :135)

      นำผู้ป่วยเข้าในที่ร่ม ถ้าผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด ให้นั่งลง สูดลมหายใจยาว ๆ ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ถ้าขาดน้ าอาจให้ดื่มน้ าน้อย ๆ เพื่อมิให้อาเจียน

       ถ้าผู้ป่วยหมดสติ จัดให้ผู้ป่วยนอนราบ ระดับเท้าสูงกว่าศีรษะเล็กน้อย เพื่อให้เลือดไหลสู่สมองได้สะดวก

ขยายเครื่องแต่งกายให้หลวมและให้แอมโมเนียหอมสูดดม

ถูกน้ำร้อนลวก ไฟลวก

อาการ

         1.บาดแผลไหม้เกรียมหรือหนังและเนื้อพอง

         2. เจ็บปวดแสบปวดร้อนบริเวณบาดแผล (กรมวิชาการ. 2535 : 60)

วิธีการปฐมพยาบาล

      ล้างด้วยน้ำเย็นบนแผลเบา ๆ นาน 10 –15 นาที เพื่อให้ความร้อนลดลง แล้วใช้ยาประเภทขี้ผึ้งหรือวาสลินบริสุทธิ์ทาที่บาดแผล ปิดด้วยผ้าพันแผล 2 ชิ้น เพื่อป้องกันถูกอากาศรอบนอก ถ้าแผลไหม้ เกรียมดำหรือหนังและเนื้อพอง ให้รีบน าส่งแพทย

เว็ปไซต์นี้จัดทำขึ้นโดย นายสุธิเดช สุวรรณลา ครู โรงเรียนวัดบัวขวัญ สพป.ปทุมธานีเขต 1
bottom of page